พบหลักฐานจีนอาจอยู่เบื้องหลังการแฮ็กระบบเครือข่ายทั่วโลกกว่า 7 ปี!

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/tower.jpg

บริษัทวิจัยความปลอดภัย Cybereason รายงานว่า ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา แฮ็กเกอร์สามารถเจาะเข้าสู่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือมากกว่า 10 เครือข่ายทั่วโลก ซึ่งข้อมูลที่ได้รับมานั้นรวมถึงวันที่ที่ทำการโทร, เวลาที่เชื่อมต่อสถานที่ของผู้โทรและอื่นๆ ซึ่งการโจมตีที่เรียกว่า Operation Soft Cell ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 2012 และถูกตรวจพบโดย Cybereason เมื่อต้นปีนี้

เป้าหมายของแฮ็กเกอร์คือการเก็บข้อมูล call detail records (CDR) หรือบันทึกรายละเอียดการโทร และข้อมูลอื่นๆ

Cybereason มั่นใจว่าการโจมตีดังกล่าวเกี่ยวข้องและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน และมีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ทำงานร่วมกับกระทรวงความมั่นคงของจีน หรือ Chinese Ministry of State Security (MSS)

Cybereason ตั้งสมมติฐานว่า การให้แฮ็กเกอร์จู่โจมระบบเครือข่ายไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเพื่อล้วงความลับ เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา แฮ็กเกอร์สามารถรู้รายละเอียดหลายๆ อย่าง เช่น บันทึกการโทร, ระยะเวลาการโทร, ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการโทร

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/338315

สะเทือนแบงก์ทั่วโลก! เปิดตัว ‘Libra’ สกุลเงินดิจิทัลของ Facebook พร้อมใช้จริงปีหน้า

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/Facebook-Libra-Crypotcurrency-and-Calibra-Wallet-2.0.jpg

หลังจากเป็นข่าวลือมานานร่วมปี ในที่สุด Facebook ก็ได้ประกาศยืนยันถึงการเปิดตัว Libra สกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) อย่างเป็นทางการ โดยจะเปิดใช้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2020

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/Libra-Association-Founding-Partners-768x557.png

Libra นั้นจะถูกควบคุมดูแลโดย The Libra Association ซึ่งมีสมาชิกร่วมก่อตั้ง 27 บริษัท อาทิเช่น Mastercard,Visa,eBay, Paypal, Spotify, Uber, Lyft, Vodafone, Stripe, Bookling Holding, Facebook,บริษัทบล็อกเชนอย่าง Coinbase,Anchorage รวมทั้งกองทุนร่วมทุน Andreessen Horowitz, Breakthrough Initiatves

ทั้งนี้ Libra มีขึ้นเพื่อลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมการเงิน ให้ผู้ใช้งานสามารถรับส่งเงินได้ทั่วโลกง่ายดายแบบไม่มีค่าธรรมเนียม รวมทั้งมุ่งลดการใช้เงินสด และให้ความช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ยุ่งยากในปัจจุบัน โดย Libra เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบโอเพนซอร์สที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถสร้างแพลตฟอร์มหรือบริการอื่น ๆ มาเชื่อมต่อได้ด้วย

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/336441

Amazon แซงหน้า Apple:ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/gettyimages-521186348.jpg

Amazon ได้ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก จากการจัดอันดับ 100 อันดับ แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดโดย BrandZ ได้สำเร็จ
ในปัจจุบันแบรนด์ Amazon มีมูลค่าอยู่ที่ 3.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วน Apple และ Google  มีมูลค่าใกล้เคียงกันอยู่ที่ 3.09 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และอันดับที่ 4 เป็นของ Microsoft มีมูลค่าอยู่ที่ 2.51 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/gsmarena_001-11-600x405.jpg

แต่เมื่อพิจารณาจาก Market Cap (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) แล้วนั้น Microsoft มีมูลค่าสูงสุด อยู่ที่ประมาณ 1.016 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามมาด้วย Amazon, Apple และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ที่มีมูลค่า 9.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ, 7.51 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 7.50 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/microsoft-k4sF-621x414@LiveMint-600x400.jpg

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/334772

LG จับมือ พระจอมเกล้าลาดกระบัง ศึกษาวิจัยเพื่อแก้ไขวิกฤตฝุ่นยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

รองศาสตราจารย์ ดร.อนุวัฒน์ จางวนิชเลิศ รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายบริหารวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า สำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มุ่งมั่นในการศึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) ตามนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมเมือง เช่น วิกฤติฝุ่น 

ที่มา:https://www.aripfan.com/wp-content/uploads/2019/06/LG-partnership-with-KMITL.jpg

(ภาพจากซ้ายไปขวา) คุณนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด, มร. ซุง ยูล แบ ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ, บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ มร. จอง โฮ ลี ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ เครื่องฟอกอากาศ ระดับโลก แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์, พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.อนุวัฒน์ จางวนิชเลิศ รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายบริหารวิชาการ, รองศาสตราจารย์ ดร.ประพัทธ์พงษ์ อุปลา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ และรองศาสตราจารย์ ดร. สมยศ เกียรติวนิชวิไล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ตามสโลแกน “Innovation for a Better Life“ หรือนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ของแอลจี ซึ่งทำให้แน่ใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อสังคมร่วมกันได้สูงสุด

อ่านต่อได้ที่:https://www.aripfan.com/lg-and-king-mongkuts-institute-of-technology-ladkrabang-study-and-research-to-solve-the-dust-crisis-raise-the-quality-of-life-for-thai-people/

พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

ที่มา : https://mpics.mgronline.com/pics/Images/562000002168401.JPEG

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(2) ซึ่งแก้ไขและประกาศใช้ในปี 2560 บัญญัติไว้ว่า

"มาตรา ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน"

นอกจากนี้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) ก็ยังกำหนดเอาไว้อีกว่า

"มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา"

หากการโพสต์ข้อมูลใดๆ ที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงตามกฎหมายอาญา เช่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 หรือยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย ตามมาตรา 116 ก็ย่อมเป็นความผิดและถูกดำเนินคดีตามมาตรา 14(3) อยู่แล้ว จึงเห็นได้ว่า การเขียนมาตรา 14(2) ด้วยถ้อยคำที่กว้างขวางเช่นนี้ มีเจตนาที่จะตีความให้มาตรา 14(2) ใช้ได้อย่างกว้างขวางครอบคลุมเนื้อหาที่ไกลออกไปมากกว่ามาตรา 14(3) หรือกว้างขวางกว่าเนื้อหาที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอยู่แล้ว