รุ่นใหญ่ไม่พลาด Facebook ก็แอบฟังเสียงของผู้ใช้งานผ่าน Messenger เพื่อฝึก AI

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/08/Screen-Shot-2562-08-14-at-11.57.18-AM.png

Facebook ได้จ้างบริษัทนอกในการฟังเสียงของผู้ใช้งานผ่านแอป Messenger เพื่อดูว่า AI ของบริษัทได้แกะเสียงออกมาอย่างถูกต้องหรือไม่ แต่ล่าสุด Facebook ก็ได้หยุดโครงการดังกล่าวแล้ว

Bloomberg เผยว่า ปัญหาอยู่ที่โครงการดังกล่าวขาดความโปร่งใส มีรายงานว่าบริษัท TaskUs ที่ Facebook จ้างไม่ได้ถูกระบุว่าเสียงที่ต้องถอดข้อความนั้นมาจากไหน และเหตุใดจึงต้องถอดข้อความเหล่านั้น ทำให้เกิดความเชื่อว่างานดังกล่าว “ผิดจรรยาบรรณ” โดยเฉพาะบางบทสนทนานั้นมีความหยาบคาย อีกทั้งนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Facebook ก็ยังไม่มีความชัดเจน

Facebook ยืนยันกับ Bloomberg ว่าบริษัทได้จ้างบริษัทภายนอกเพื่อถอดเสียงจาก Messenger จริง แต่ถอดเสียงเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานที่ยอมรับเงื่อนไขและอนุญาตให้เก็บข้อมูลเสียง

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/351114

MacBook Pro 16 นิ้วรุ่นใหม่จะใช้ดีไซน์ขอบหน้าจอบางมาก

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/07/mbp-16.jpg

สื่อต่างประเทศเผยว่า Apple เตรียมเปิดตัว MacBook Pro ขนาดหน้าจอ 16 นิ้ว โดย Apple จะใช้วิธีการลดขนาดของขอบหน้าจอให้บางลงยิ่งกว่าเดิม

DigiTimes รายงานว่า MacBook Pro หน้าจอ 16 นิ้วนั้นจะมีขนาดเครื่องไม่ต่างจาก MacBook Pro 15 นิ้วเท่าไหร่ แต่เน้นไปที่การลดขนาดขอบหน้าจอ โดยผู้ผลิตตัวเครื่องคาดว่าจะเป็นบริษัท Quanta Computer

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Kuo เผยว่า MacBook Pro 16 นิ้ว จะเป็นรุ่นแรกที่หยุดใช้คีย์บอร์ดแบบ Butterfly และเปลี่ยนมาใช้คีย์บอร์ดมาตรฐานแบบ Scissor

นอกจากข้างต้นที่เปลี่ยนไปแล้ว ยังมีรายงานว่า MacBook Pro 16 นิ้ว จะมีราคาเริ่มต้นเฉียดแสนกันเลยทีเดียว

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/347233

ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด พบแอป Android หลักพันตัว แอบเก็บข้อมูลผู้ใช้งานแม้คุณจะไม่อนุญาตก็ตาม

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/05/Google-Play-Store-Search-e1557334648541.jpg

นักวิจัยเผยว่า แอปของ Android เช่นแอปจาก Samsung หรือ Disney ใช้ SDKs ที่ร่วมสร้างโดย Baidu และบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลชื่อ Salmonads ซึ่งสามารถส่งข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่งได้ รวมถึงส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ต้นทางได้โดยระบบจะเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ในเครื่องของคุณก่อน ซึ่งนักวิจัยเผยว่า แอปพลิเคชั่นที่ใช้ SDK ของ Baidu อาจนำข้อมูลเหล่านี้เก็บเอาไว้ใช้เอง

นอกจากข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้แล้ว มันยังสามารถเก็บข้อมูลจำเพาะได้ เช่น Mac address หรือ wireless access point, SSID และอื่นๆ

ตัวอย่าง เช่น แอป Shutterfly ที่นักวิจัยพบว่ามีการส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์แม้ผู้ใช้จะไม่อนุญาตให้ติดตาม โดยข้อมูลที่เก็บมาคือ EXIF ของรูป แต่บริษัทปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/341815

เตรียมบ๊ายบายยุคแท็บเล็ต หรือเเท็บเล็ตกำลังจะตกยุค???

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/07/4c7ea2d37f8b9aad04630100-750.jpg

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น???

ข้อดีของเเท็บเล็ตคือ มันมีความเป็น ‘เป็ด’ ทำอะไรได้หลายๆอย่าง ซึ่งนำมาซึ่งข้อเสีย จะทำงานก็ทำได้ไม่เต็มที่ จะโทรก็ใหญ่เทอะทะ

นอกจากนั้น หากคุณอยากมีมือถือขั้นเทพเครื่องใหญ่ๆ คุณก็สามารถใช้สมาร์ตโฟนของ iPhone XS Max,  Google’s Pixel 3 XL หรือจะเป็น Samsung Galaxy S10 Plus ซึ่งไม่ต้องง้อเเท็บเล็ตเลยสักนิด

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/07/https-blogs-images.forbes.com-gordonkelly-files-2019-02-Screenshot-2019-02-22-at-04.34.01-Edited-600x471.png

เเล้วอะไรจะมาเเทน???

มีข่าวว่าทาง Google จะหันไปทำโน้ตบุ๊กอย่าง PixelBook ซึ่งเหมือนเป็นลูกผสมของเเท็บเล็ต หน้าจอหมุนได้อย่างอิสระ เเต่ยังเหลือเเป้นพิมพ์ให้ได้ใช้

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/07/DLTuIxGVYAAa8-d-630x413-600x393.jpg

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/340131

พบหลักฐานจีนอาจอยู่เบื้องหลังการแฮ็กระบบเครือข่ายทั่วโลกกว่า 7 ปี!

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/tower.jpg

บริษัทวิจัยความปลอดภัย Cybereason รายงานว่า ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา แฮ็กเกอร์สามารถเจาะเข้าสู่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือมากกว่า 10 เครือข่ายทั่วโลก ซึ่งข้อมูลที่ได้รับมานั้นรวมถึงวันที่ที่ทำการโทร, เวลาที่เชื่อมต่อสถานที่ของผู้โทรและอื่นๆ ซึ่งการโจมตีที่เรียกว่า Operation Soft Cell ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 2012 และถูกตรวจพบโดย Cybereason เมื่อต้นปีนี้

เป้าหมายของแฮ็กเกอร์คือการเก็บข้อมูล call detail records (CDR) หรือบันทึกรายละเอียดการโทร และข้อมูลอื่นๆ

Cybereason มั่นใจว่าการโจมตีดังกล่าวเกี่ยวข้องและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน และมีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ทำงานร่วมกับกระทรวงความมั่นคงของจีน หรือ Chinese Ministry of State Security (MSS)

Cybereason ตั้งสมมติฐานว่า การให้แฮ็กเกอร์จู่โจมระบบเครือข่ายไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเพื่อล้วงความลับ เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา แฮ็กเกอร์สามารถรู้รายละเอียดหลายๆ อย่าง เช่น บันทึกการโทร, ระยะเวลาการโทร, ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการโทร

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/338315

สะเทือนแบงก์ทั่วโลก! เปิดตัว ‘Libra’ สกุลเงินดิจิทัลของ Facebook พร้อมใช้จริงปีหน้า

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/Facebook-Libra-Crypotcurrency-and-Calibra-Wallet-2.0.jpg

หลังจากเป็นข่าวลือมานานร่วมปี ในที่สุด Facebook ก็ได้ประกาศยืนยันถึงการเปิดตัว Libra สกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) อย่างเป็นทางการ โดยจะเปิดใช้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2020

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/Libra-Association-Founding-Partners-768x557.png

Libra นั้นจะถูกควบคุมดูแลโดย The Libra Association ซึ่งมีสมาชิกร่วมก่อตั้ง 27 บริษัท อาทิเช่น Mastercard,Visa,eBay, Paypal, Spotify, Uber, Lyft, Vodafone, Stripe, Bookling Holding, Facebook,บริษัทบล็อกเชนอย่าง Coinbase,Anchorage รวมทั้งกองทุนร่วมทุน Andreessen Horowitz, Breakthrough Initiatves

ทั้งนี้ Libra มีขึ้นเพื่อลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมการเงิน ให้ผู้ใช้งานสามารถรับส่งเงินได้ทั่วโลกง่ายดายแบบไม่มีค่าธรรมเนียม รวมทั้งมุ่งลดการใช้เงินสด และให้ความช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ยุ่งยากในปัจจุบัน โดย Libra เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบโอเพนซอร์สที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถสร้างแพลตฟอร์มหรือบริการอื่น ๆ มาเชื่อมต่อได้ด้วย

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/336441

Amazon แซงหน้า Apple:ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/gettyimages-521186348.jpg

Amazon ได้ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก จากการจัดอันดับ 100 อันดับ แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดโดย BrandZ ได้สำเร็จ
ในปัจจุบันแบรนด์ Amazon มีมูลค่าอยู่ที่ 3.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วน Apple และ Google  มีมูลค่าใกล้เคียงกันอยู่ที่ 3.09 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และอันดับที่ 4 เป็นของ Microsoft มีมูลค่าอยู่ที่ 2.51 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/gsmarena_001-11-600x405.jpg

แต่เมื่อพิจารณาจาก Market Cap (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) แล้วนั้น Microsoft มีมูลค่าสูงสุด อยู่ที่ประมาณ 1.016 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามมาด้วย Amazon, Apple และ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ที่มีมูลค่า 9.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ, 7.51 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 7.50 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

ที่มา:https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/06/microsoft-k4sF-621x414@LiveMint-600x400.jpg

อ่านต่อได้ที่:https://www.beartai.com/news/itnews/334772